บทความนี้แปลมาจากต้นฉบับจาก link นี้
เขียนโดย Lance
Beggs
คุณรู้ไหมว่ามี
‘อีกมิติหนึ่ง’ ของการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่นักเทรดมือใหม่ส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึงเลย
หรือกลัวที่จะศึกษาเนื่องจากว่ามันอาจจะต้องใช้ความพยายามอย่างจริงจังบ้าง
ใช่ มันมีอยู่จริง
และผมอยากจะแนะนำว่าถ้านักเทรดมือใหม่ส่วนใหญ่มุ่งไปในแนวทางนั้น
บางทีมันอาจจะคุ้มที่จะลองศึกษาดู
การวิเคราะห์ทางเทคนิคคืออะไร
สำหรับนักเทรดมือใหม่ส่วนใหญ่ มันดูเหมือนว่าจะเป็นหนึ่งในแนวทางต่อไปนี้
หรือผสมกัน
- ความสามารถในการกำหนดพฤติกรรมของราคาผ่านเทคนิคการดูกราฟแบบดั้งเดิม เช่น คำจำกัดความของ uptrend และ downtrend จากทฤษฎี Dow และการจำได้ของ patterns ต่างๆ เช่น channels, triangles, head and shoulders, cup and handles, และอื่นๆ
- ความสามารถในการเป็นตัวแทนของพฤติกรรมของราคาผ่านทาง indicators หลากหลายแบบที่อยู่บนโปรแกรมเทรดของคุณ เช่น moving average, stochastics, MACD และอื่นๆ
มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
แต่ความจริงคือไม่ว่าเราจะให้คำจำกัดความโครงสร้างของตลาด บนพื้นฐานของทฤษฎี Dow หรือ ทฤษฎีคลื่นของ Elliot หรือผ่านทางการใช้ indicator มันสำคัญที่จะจำว่าโครงสร้างนี้ให้คำจำกัดความการเคลื่อนที่ของตลาดในอดีต มันเป็นการทำให้ง่ายขึ้นในการระบุสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีตอย่างรวดเร็ว
กำไรมาจากพฤติกรรมของราคาในอนาคต
ไม่ใช่จากอดีต ดังนั้นหลังจากกำหนดการเคลื่อนไหวของราคาในอดีต
นักเทรดเหล่านั้นก็จะใช้กฎทั่วๆไปที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของราคาในอดีตเพื่อหาจุดเข้าในตลาด
ยกตัวอย่าง
- “การ break ลงด้านล่างผ่านเส้น neckline ของ head and shoulders pattern เป็นการเข้า short ที่เยี่ยม โดยมีเป้าหมายเท่ากับระยะทางจาก neckline ไปถึงจุดสูงสุดของ head” - ดังนั้นหลังจากระบุการ break ลงด้านล่าง พวกเขาก็เข้า short
- “การตัดกันของ moving average เป็นการแสดงการเปลี่ยนของ trend” – ดังนั้นการระบุ เส้น EMA(10) ตัดเส้น EMA(20) ขึ้นไป นักเทรดมือใหม่ก็เข้า long
ย้ำอีกครั้ง มันดี – อย่างน้อยก็ดีกว่าการเข้าแบบสุ่ม
กฎทั่วไปสำหรับการเข้าเหล่านี้ก็ใช้ได้ ถ้าคุณพอใจที่มันให้ความได้เปรียบเล็กน้อย
และคุณเข้าใจธรรมชาติของพฤติกรรมของราคาในเชิงสถิติจริงๆ
และมีการประเมินความจำป็นในการกำหนดขนาดของออเดอร์และการจัดการความเสี่ยง
คุณอาจจะทำกำไรได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม
ผมอยากจะแนะนำว่า มีอีกมิติของการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่คุณยังไม่เห็น
นั่นก็ยังไม่ใช่การรับประกันความสำเร็จ (Holy Grail ไม่มีอยู่จริง
ดังนั้นหยุดตามหามันได้แล้ว)
แต่มันจะให้โอกาสที่ดีขึ้นในการเพิ่มความได้เปรียบของคุณ
การใช้มิติของการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ซ่อนอยู่นี้จะให้โอกาสคุณในการหาจุดเข้าที่มีความเสี่ยงที่ต่ำกว่าและมีความเป็นไปได้ที่สูงกว่า
การเทรดที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าโดยการเข้าแต่เนิ่นๆในช่วงที่อยู่ใกล้กับบริเวณแนวรับและแนวต้าน
ดังนั้นคุณสามารถกำหนดจุดตัดขาดทุนได้อย่างปลอดภัย
การเทรดที่มีความเป็นไปได้ที่สูงกว่าโดยการวิเคราะห์อย่างใกล้ชิดบนความจริงที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของราคามากกว่ากฎทั่วไปสำหรับการเข้าโดยอาศัย
pattern หรือ indicator
งั้นเราจะหา ‘อีกมิติ’
ของการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ว่านี้จากที่ไหนหล่ะ
มองเข้าไปเบื้องหลัง indicator
ของคุณ หรือเบื้องหลัง pattern ดั้งเดิม และคุณพบอะไร
พฤติกรรมของราคา (price action)!
มันไม่สำคัญว่าเราให้คำจำกัดความพฤติกรรมของราคาในอดีตยังไง
– uptrend,
downtrend, sideways, head and
shoulders pattern, ascending triangle, คลื่นที่ 4 ของรูปแบบ ห้าคลื่น
มันเป็นแค่ชื่อที่อธิบายการประมาณการเคลื่อนไหวของตลาดในอดีต
ชื่อไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือธรรมชาติของการเคลื่อนไหวของราคาที่อยู่เบื้องหลัง
pattern หรือ indicator
หลายคนมากๆจะพูดว่า
เพราะว่าราคาอยู่เหนือ เส้น 50 period moving average หรือเพราะว่า เส้น EMA(10) อยู่เหนือ EMA(20) หรือเพราะว่า พวกเขาได้ระบุโครงสร้างของจุดสูงสุดที่สูงขึ้น
และจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น ดังนั้นตลาดอยู่ในช่วง uptrend พวกเขานำชื่อมาใช้ – uptrend และก็แค่นั้นเอง จบเรื่อง
ตลาดอยู่ในช่วง uptrend และพวกเขากำลังหาการเทรดในทิศทาง
long
การมองให้ไกลกว่า “uptrend”
เพื่อดูว่าราคาจริงๆแล้วกำลังเคลื่อนไหวอย่างไร
จะทำให้เราเห็นความแข็งแกร่งหรือความอ่อนแอของ trend นั้น
มันสามารถทำให้คุณเข้าใจลึกลงไปในความกลัว ความไม่แน่ใจ
หรือความโลภของผู้เล่นในตลาดที่สร้างพฤติกรรมของราคา ที่ต่อมากลายเป็น trend
หรือ pattern หรือทำให้ indicator ขยับ
ผมไม่ได้กำลังบอกว่าคุณจำเป็นจะต้องกำจัด
indicator ของคุณออกไป – เพียงแค่รับรู้ถึงสิ่งที่พวกมันเป็น – การช่วยประมาณการณ์ของตลาด
และรับรู้ว่าถ้าคุณต้องการที่จะพัฒนาความได้เปรียบของคุณ
คุณอาจจำเป็นต้องมองไปที่เบื้องหลัง pattern, มองไปที่เบื้องหลัง indicator, มองให้ไกลกว่าชื่อ และดูสิ่งที่ราคากำลังทำอยู่จริงๆ
- ความผันผวนของราคากำลังเปลี่ยนไปหรือเปล่า และนั่นหมายความว่าอย่างไร
- โมเมนตัมกำลังเพิ่มขึ้นหรือลดลงหรือเปล่า นั่นหมายความว่าอย่างไร
- โมเมนตัมของการเคลื่อนไหวของราคาครั้งนี้เพิ่มขึ้นหรือน้อยกว่า swing ก่อนหน้านี้ในทิศทางเดียวกันหรือไม่ และนั่นหมายความว่าอย่างไร
- ลองลงไปให้ลึกขึ้นอีก และพิจารณากระบวนการคิดและจิตวิทยาของผู้คนที่ long (หรือ short) ในการเทรดนี้ และกำลังได้กำไรอยู่ พวกเขากำลังมองหาจุดออกตรงไหน พวกเขาจะเอากำไรออกจากตลาดตรงไหน พวกเขาจะวางจุดตัดขาดทุนตรงไหน สิ่งนี้จะมีความหมายกับพฤติกรรมของราคาในอนาคตอย่างไร
- ลองพิจารณาจิตวิทยาของนักเทรดที่กำลังสู้กับการเคลื่อนไหวของราคาครั้งนี้ และกำลังขาดทุนอยู่ เหงื่อออกกับทุกๆการขยับของราคา และสวดอ้อนวอนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ - “ถ้าท่านสามารถพลิกราคากลับครั้งนี้จนผมสามารถออกจากตลาดโดยเสมอตัว ไม่ขาดทุน ผมสัญญา ผมจะไม่เข้าเทรดแบบโง่ๆอย่างนี้อีกเด็ดขาด” คนเหล่านี้กำลังพยายามจะออกตรงไหน ที่จุดไหนที่ความกลัวจะมากมายเพียงพอจนทำให้พวกเขาต้องออกจากตลาดทันที
- ลองพิจารณาจิตวิทยาของนักเทรดที่กำลังดูอยู่ภายนอกที่พลาดโอกาสในการเข้าที่จุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวของราคาครั้งนี้ บางคนในกลุ่มนี้จะเป็นนักเทรดมืออาชีพ - พวกเขาจะระบุว่าตรงไหนจะเป็นจุดเข้าที่มีความเสี่ยงต่ำและ/หรือมีความเป็นไปได้สูงในการเข้าไปใน trend นี้ บางคนในกลุ่มนี้จะเป็นนักเทรดมือใหม่ – ตรงไหนจะเป็นจุดที่แย่ที่สุดที่จะเข้า ไล่ราคาตามตลาด และเข้าตลาดเพียงเพราะกลัวที่จะตกรถไฟขบวนนี้ ใช่ บางคนเข้าตลาดในจุดที่แย่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จริงๆ จุดนั้นควรจะอยู่ตรงไหน และนั่นจะมีความหมายกับการเคลื่อไหวของตลาดในอนาคตอย่างไร
คำตอบต่อคำถามเหล่านี้จะเป็นหัวข้อที่เยี่ยมสำหรับบทความในอนาคต
สำหรับตอนนี้ ผมเพียงแค่อยากให้คุณเริ่มต้นมองข้าม indicator และ pattern และค้นพบอีกมิติของการวิเคราะห์ทางเทคนิค
– พฤติกรรมของราคา
สังเกตธรรมชาติที่อยู่ภายในของการเคลื่อนไหวของราคา
–
โมเมนตัมและความผัวผวน
และพิจารณาว่าสิ่งนี้จะมีผลอย่างไรต่อการตัดสินใจของนักเทรดมือใหม่ผู้ซึ่งจะเข้าและออกจากตลาดบนความกลัวและความโลภของพวกเขาเอง
และพยายามค้นหาว่าคุณจะสามารถใช้ข้อมูลนี้อย่างไรภายใต้แผนการปัจจุบันของคุณเพื่อลดความเสี่ยงของจุดเข้า
ปรับปรุงความเป็นไปได้ที่จุดเข้าของคุณจะอยู่ในจุดที่ถูกต้อง
และปรับปรุงการจัดการและการออกของออเดอร์คุณ
ถ้าคุณสนใจในการพัฒนาความได้เปรียบของคุณ
ณ ปัจจุบัน ในตลาด
การวิเคราะห์พฤติกรรมของราคาอาจจะเป็นเพียงสิ่งที่คุณกำลังขาดอยู่ ลองศึกษาดูสิ
Lance Beggs