แนวรับและแนวต้าน 3 - บริเวณ congestion
เขียนโดย
Lance Beggs
แนวรับและแนวต้าน
3 - บริเวณ congestion
ขอต้อนรับกลับเข้าสู่บทความที่สามในหัวข้อแนวรับและแนวต้าน
ในบทความล่าสุด เรามองออกว่า swing highs และ lows นำไปสู่การพัฒนาของแนวรับและแนวต้านได้อย่างไร,
ผ่านทางพฤติกรรมของนักเทรด - ไม่ว่าจะเป็นการคาดหวังว่าบริเวณเหล่านี้จะเอาอยู่
หรือนักเทรดถูกบีบบังคับทางจิตวิทยาให้ออกจากการเทรดที่ขาดทุน ณ
จุดที่กลับมาเท่าทุน
ถ้าคุณยังไม่ได้อ่านสองบทความแรกในหัวข้อนี้
หรือยังไม่ค่อยเข้าใจในแนวความคิดหลังจากการอ่านครั้งแรก
โปรดทบทวนบทความที่หนึ่งและสอง ที่นี่: (แนวรับและแนวต้าน1, แนวรับและแนวต้าน2)
ข่าวดีก็คือ
ถ้าคุณได้เข้าใจแนวความคิดจากบทความ swing highs และ lows
แล้ว บทความนี้ก็จะเป็นเรื่องง่ายๆ
บริเวณ
congestion คือการก่อตัวของราคาในแบบที่สองที่ผมมองหาในการระบุบริเวณของแนวรับหรือแนวต้านที่เป็นไปได้
อะไรคือ
congestion คำนิยามง่ายๆก็คือ มันเป็นพฤติกรรมของราคาในการเคลื่อนตัวไปในแนวข้าง (sideways) นั่นเอง มองหาราคาที่เคลื่อนที่ภายในกรอบแคบๆ
บ่อยครั้งจะประกอบด้วยแท่งราคาที่เคลื่อนที่ขึ้นสลับกับแท่งราคาที่เคลื่อนที่ลง
และเป็นพฤติกรรมที่ไม่มีแนวโน้ม (no trend) ย้ำอีกคร้ัง
เช่นเดียวกับ swing highs และ lows
ผมไม่กังวลมากจนเกินไปเกี่ยวกับคำนิยาม ถ้ามันดูเหมือน congestion มันก็คือ congestion
มีคนกล่าวว่ารูปหนึ่งรูปมีค่ามากกว่าหนึ่งพันคำ
ดังนั้นเรามาดูกราฟจำนวนหนึ่งที่น่าจะทำให้แนวคิดนี้ชัดเจนขึ้น
ในตัวอย่างแรกนี้
บริเวณ A ก่อตัวเป็น congestion เคลื่อนตัวไปในแนวข้าง
เมื่อราคาย้อนกลับมาที่บริเวณนั้น ณ จุด B
คุณได้รับโอกาสการเทรด short ที่มีความเป็นไปได้ที่สูงกว่าและความเสี่ยงที่ต่ำกว่า
แนวคิดนี้มีหลักการอย่างไร
การคาดหวังของบริเวณที่จะเป็นแนวต้านที่มีศักยภาพจะทำให้นักเทรดที่ถือ long ในช่วงที่ราคาขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องขึ้นไปหา
B ทำการเก็บกำไรออกจากตลาดจากการคาดหวังว่าจะเจอแนวต้าน
หรืออย่างน้อยก็ขยับจุด stop ให้ใกล้เข้ามา
เพื่อที่จะออกจากตลาดถ้า B ต้านอยู่
การคาดหวังของบริเวณที่จะเป็นแนวต้านที่มีศักยภาพจะทำให้นักเทรดอีกกลุ่มหนึ่ง
ทำการเข้า short เพื่อจะเก็บกำไรจากการเคลื่อนที่กลับลงไปด้านล่าง
และนักเทรดบางคนที่ได้เข้า
long ในบริเวณ
congestion A และอดทนต่อช่วงขาดทุนที่กระอักกระอ่วน ระหว่าง A
และ B คงจะยอมรับโอกาสที่จะออกจากตลาดแบบเท่าทุนบริเวณใกล้ๆ
B อย่างปลื้มปีติ
นักเทรดในทั้งสามกลุ่มเหล่านี้จะดำเนินการด้วยคำสั่งขาย
ซึ่งเพิ่มอุปทานในบริเวณใกล้ๆ B และเป็นการเพิ่มความน่าจะเป็นของบริเวณแนวต้้านที่มีศักยภาพนี้ที่จะต้านอยู่
สิ่งนี้เพิ่มโอกาสของการเทรดที่ได้กำไร (ความน่าจะเป็นที่สูงกว่า)
การเทรดที่มีความเสี่ยงที่ต่ำกว่าจะได้จากความสามารถในการวางจุด stop loss ที่ช่วงแคบๆ เลยขอบบนของแนวต้าน
เรามาดูอีกหนึ่งตัวอย่าง
ตัวอย่างที่สองนี้
(ข้างบน) ก็เป็น setup แบบเดียวกับตัวอย่างที่หนึ่ง ราคาในบริเวณ A ถึง B ก่อตัวเป็น บริเวณ congestion สัญลักษณ์ของแนวต้านที่เป็นไปได้ถ้าราคาย้อนกลับมาที่บริเวณนั้น
เมื่อราคามาถึงที่นั่น ณ C
การเพิ่มขึ้นของอุปทานจะเกิดขึ้นเนื่องจาก นักเทรดบางคนที่ถือ long จะทำกำไร นักเทรดคนอื่นๆเข้า short
จากการหยุดชะงักครั้งแรก และคนอื่นๆออกจากการถือ long แบบเท่าทุนหลังจากอดทนต่อช่วงขาดทุนจากการเข้า
long ของพวกเขาในบริเวณ congestion
ใกล้จุด B อุปทานที่เพิ่มขึ้นนี้
เพิ่มโอกาสที่บริเวณแนวต้านจะต้านอยู่ และเพิ่มโอกาสที่ราคาจะขยับลงอีกครั้งจากบริเวณ
C
ตัวอย่างที่สาม
(ข้างล่าง) แสดง setup ที่ผมชอบจริงๆ - การซื้อขายช่วงก่อนที่ตลาดจะเปิด ก่อตัวเป็นบริเวณ congestion
ที่สวยจริงๆ หลังจากนั้นราคาก็ทะลุออกจากบริเวณ congestion ที่จุด A ถ้าราคาย้อนกลับมาที่บริเวณนั้น
ผมจะดำเนินการด้วยการคาดหวังว่าแนวรับจะรับอยู่
ให้ผมได้การเทรดที่มีความเป็นไปได้ที่สูงกว่า, ความเสี่ยงที่ต่ำกว่า
มันไม่นานสำหรับรางวัลที่จะมา
น้อยกว่า 30 นาทีหลังจากการทะลุออกไป ราคาได้ย้อนกลับมาที่บริเวณเดิม
นักเทรดบางคนที่เข้า short ซึ่งบางทีอาจจะเป็นการ short
แบบสั้นๆจาก swing high กลับไปหาแนวรับ
จะทำกำไรและออกจากตลาด คนอื่นๆจะเข้า long จากการหยุดชะงักครั้งแรกในบริเวณนี้
และคนอื่นๆที่ได้เข้า short ไว้ในบริเวณ congestion ที่จุด A จะใช้โอกาสนี้ในการออกจากตลาดแบบเท่าทุนที่
B และปลดปล่อยตัวเขาเองจากความเจ็บปวดในช่วงขาดทุน ธุรกรรมเหล่านี้ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับคำสั่งซื้อ
ซึ่งเพิ่มจำนวนอุปสงค์ที่บริเวณนี้
และเพิ่มความเป็นไปได้ที่บริเวณแนวรับนี้จะรับอยู่
ตัวอย่างต่อมาจะกลับกัน
อีกครั้งที่มันแสดงการซื้อขายช่วงก่อนที่ตลาดจะเปิด ก่อตัวเป็น congestion เคลื่อนที่ไปในแนวข้างที่แคบมากๆ
แต่ว่าครั้งนี้ราคามี false break-out long ก่อนที่จะเคลื่อนตัวไปด้านล่าง
นี้ทำให้เกิดโอกาสที่ยอดเยี่ยมถ้าราคาย้อนกลับมาที่นั่น
การย้อนกลับเกิดขึ้นที่บริเวณ
B ที่ซึ่งแนวต้านๆอยู่
เนื่องจาก นักเทรดที่มีกำไรจากการ long (ถือช่วงสั้นๆจาก swing
low) ขายทำกำไร นักเทรดคนอื่นๆขายเพื่อเข้า short จากการคาดหวังว่าแนวนี้จะต้านอยู่
และเื่นื่องจากคำสั่งขายของนักเทรดที่เข้า long เอาไว้ที่จุด
A ที่ทนทุกข์จากช่วงขาดทุน และถือโอกาสนี้ในการออกจากตลาดแบบเท่าทุนที่จุด
B
มีโอกาสในตลาดอย่างสม่ำเสมอ
เราลองมาตรวจสอบ timeframe
อื่นๆ และตลาดอื่นๆ กันดู
กราฟข้างบนคือกราฟ
e-mini Dow ที่ 15 นาที บริเวณ congestion A รับอยู่เมื่อราคาย้อนกลับมาที่นั่นหลังจากการเผยแพร่ตัวเลขทางเศรษฐกิจ ที่
B, และอีกครั้ง เมื่อหนึ่งชั่วโมงและสิบห้านาทีต่อมา
บนแท่งเทียนช่วงเปิดตลาดที่ปรวนแปร
และข้างบน
คุณจะพบกราฟ 5 นาที ของ Google (คุณอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้าง)
บริเวณ
congestion ที่ A นำไปสู่โอกาสที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเทรดในทิศทาง
long เมื่อราคาย้อนกลับมาที่นั่น ที่ B
และ
เรามาปิดท้ายด้วยสองการแสดงสุดท้ายของแนวคิดนี้ที่ประยุกต์ใช้กับกราฟรายวันได้ด้วย
กราฟแรก
(ข้างบน) คือกราฟ e-mini
Dow รายวัน บริเวณ congestion ที่ A นำไปสู่การเทรด long ที่ยอดเยี่ยมที่ B และ บริเวณ congestion ที่ C นำไปสู่การเทรด
short ที่ยอดเยี่ยมที่ D
ผมไม่รู้ว่าคุณคิดยังไง
แต่ผมชอบหัวข้อนี้จริงๆ!!!
หนึ่งตัวอย่างสุดท้าย
- IBM รายวัน
บริเวณ
congestion เคลื่อนที่ไปในแนวข้างที่เข้มข้น ระหว่างปลายเดือนกุมภาพันธ์
และกลางเดือนเมษายน นำไปสู่การเทรดที่ยอดเยี่ยมในทิศทาง long เมื่อแนวรับๆอยู่ ที่ B ในเดือนกรกฎาคม
มองหา
setups เหล่านี้จากกราฟของคุณเอง
และพยายามเข้าใจว่าบริเวณเหล่านี้สามารถให้การเทรดที่มีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า,
มีความเป็นไปไ้ด้ที่สูงกว่า กับคุณอย่างไร
ตอนต่อไปของแนวรับและแนวต้าน
–
บางสิ่งที่แตกต่างเล็กน้อย – ตัวเลขหลักถ้วนๆ (round
numbers)
เทรดอย่างมีความสุข
Lance
Beggs