แนวรับและแนวต้าน 4 - ตัวเลขหลักถ้วนๆ (round numbers)
เขียนโดย
Lance Beggs
แนวรับและแนวต้าน
4 - ตัวเลขหลักถ้วนๆ
(round numbers)
ขอต้อนรับกลับเข้าสู่อีกตอนหนึ่งของแนวรับและแนวต้าน
คุณลักษณะหลักๆที่ผมกำลังมองหาเพื่อระบุบริเวณแนวรับและแนวต้านคือ
swing highs และ lows, บริเวณ congestion
บริเวณเหล่านี้ได้ถูกอธิบายไปแล้วในบทความก่อนๆ ถ้าคุณยังไม่เคยอ่านบทความหล่านั้น
ช่วยอ่านบทความเหล่านั้นก่อนเป็นอันดับแรก
วันนี้เราจะแนะนำคุณลักษณะอีกอย่างหนึ่งของตลาดซึ่งสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเป็นบริเวณแนวรับและแนวต้าน – ตัวเลขหลักถ้วนๆ (round
numbers) ในการวิเคราะห์ตลาด ผมไม่เคยใช้ตัวเลขหลักถ้วนๆแบบโดดๆในการหาระดับแนวรับหรือแนวต้าน
แต่ผมใช้มันเป็นองค์ประกอบที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในบริเวณที่ได้ถูกระบุว่าเป็นแนวรับหรือแนวต้านเรียบร้อยแล้ว
ตัวเลขหลักถ้วนๆหมายถึงอะไร
แทนที่จะตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมา
เราลองมาดูบางตัวอย่างและมันควรจะกลายเป็นสิ่งที่ชัดเจนทีเดียว
สำหรับหุ้นที่มีราคาสูง
มันอาจจะเป็นราคาในช่วง $70,
$80, $90, $100, $110 เป็นต้น หรือตัวเลขอะไรก็ได้ที่เป็นตัวคูณของ $10
สำหรับหุ้นที่มีราคาปานกลาง
มันอาจจะเป็นราคาในช่วง $25,
$30, $35 เป็นต้น หรือตัวเลขอะไรก็ได้ที่เป็นตัวคูณของ $5
สำหรับหุ้นที่มีราคาต่ำ
มันอาจจะเป็นตัวเลขอะไรก็ได้ที่เป็นตัวคูณของ $1 เช่น $7.00, $8.00, $9.00 หรือแม้แต่ตัวคูณของ $0.5 เช่น $5.50, $6.00,
$6.50 เป็นต้น
สำหรับหุ้นที่มีราคาต่ำกว่า
$1 คุณอาจจะมองที่ตัวคูณของ
0.10 เช่น 0.10, 0.20, 0.30
แล้วสำหรับ
Forex หล่ะ,
ใช่แล้ว มันใช้ได้เหมือนกัน GBP/USD ที่ 1.9600,
1.9700, 1.9800 และแม้แต่ที่ระดับ 50 เช่น 1.9650,
1.9750, 1.9850
ในความเป็นจริง
แนวคิดนี้ใช้ได้กับทุกตลาด
ประเด็นสำคัญก่อนที่จะอธิบายต่อ
- คุณลองนึกย้อนไปสักสองสามย่อหน้าที่ผมบอกว่าผมไม่ได้ใช้ตัวเลขหลักถ้วนๆแบบโดดๆในการหาระดับแนวรับหรือแนวต้าน
ถ้าคุณทำ คุณจะเจอกับเส้้นแนวนอนที่มีระยะห่างเท่าๆกันวางอยู่เต็มกราฟของคุณ
แต่ผมใช้ตัวเลขหลักถ้วนๆเพื่อสิ่งเหล่านี้มากกว่า:
·
เป็นการเพิ่มความมั่นใจในแนวรับหรือแนวต้านที่พบจาก swing highs/lows หรือ
บริเวณ congestion หรือ
·
ถ้าไม่มีหลักฐานของแนวรับหรือแนวต้านในอดีตจาก swing highs/lows หรือ
บริเวณ congestion มันอาจจะบอกถึงบริเวณที่ควรระมัดระวัง
ตัวอย่างเช่น ถ้าผมเทรด long และราคาวิ่งสูงขึ้นไปอย่างมากอย่างชัดเจน
และกำลังเข้าใกล้บริเวณตัวเลขหลักถ้วนๆ
ผมจะคาดหวังที่จะทำกำไรบางส่วนที่บริเวณนี้และบริเวณนี้เป็นแนวต้านที่มีศักยภาพ
ดังนั้นผมอาจเลือกที่จะลดขนาดสถานะของผม หรือขยับจุด stop ของผมให้แคบลง
ตัวเลขหลักถ้วนๆกลายเป็นแนวรับหรือแนวต้านได้อย่างไร
ตัวเลขหลักถ้วนๆใช้ได้ผลก็เพราะธรรมชาติของมนุษย์ได้ทำให้มันมีนัยสำคัญ
เราทำงานกับการประมาณการณ์ได้ดีที่สุด
คุณได้ยินทุกครั้งที่ผู้คนให้ความเห็นต่างๆ
เช่น “ถ้าหุ้น
XYZ ลงมาที่ $10 นั่นเป็นราคาที่ดี
และแนะนำให้ซื้อ” หรือ “ไม่มีทางที่หุ้น
ABC จะเกิน $75 ดังนั้น
ถ้ามันขึ้นไปถึงจุดนั้นผมจะทำกำไร”
สังเกตว่าพวกเขาไม่ได้พูดว่า
XYZ เป็นราคาที่ดีที่
$10.17 หรือ ABC ถูกขายมากเกินไปที่ $77.63
เราทำงานได้ดีกว่ากับตัวเลขหลักถ้วนๆ
สิ่งนี้นำไปสู่สัดส่วนที่มากมายของคำสั่งซื้อของ
XYZ ที่ระดับหรือบริเวณใกล้เคียงระดับ
$10 และสัดส่วนที่มากมายของคำสั่งขายของ ABC ที่ระดับหรือบริเวณใกล้เคียงระดับ $75 และคำสั่งเหล่านี้เพิ่มความเป็นไปได้ที่
$10 จะกลายเป็นแนวรับ และ $75
จะกลายเป็นแนวต้าน
คุณได้ยินสิ่งเหล่านี้ในทุกตลาด
มีการพูดกันเป็นอย่างมากในสิบสองเดือนก่อนหน้านี้เกี่ยวกับ
GBP/USD จะวิ่งขึ้นไปถึงระดับ
2.0000 และ USD/CAD จะร่วงลงไปถึงระดับ
1.0000
จำไว้
การพูดแบบนี้ไม่ได้รับประกันว่าบริเวณเหล่านี้จะเป็นแนวรับหรือแนวต้าน
อย่างไรก็ตาม มันควรจะเป็นการเตือนของสิ่งกีดขวางที่มีศักยภาพต่อการไปต่อของราคา
เราลองมาดูบางตัวอย่าง
จากหลายๆตลาดและหลายๆ timeframe
ในกราฟรายวันของภาคพลังงาน
XLE สังเกตลักษณะที่ราคาเจอแนวรับที่ระดับตัวเลขหลักถ้วนๆ
70 (บริเวณ A) ราคาวิ่งขึ้นไปและหยุดชะงักในช่วงสั้นๆที่
80 (บริเวณ B) ก่อนที่จะถึงจุดยอดที่แนวต้านที่ระดับ
90 (บริเวณ C) หลังจากความล้มเหลวที่จะทะลุบริเวณแนวต้านนี้ในช่วงหลายสัปดาห์ต่อมา
ราคาร่วงลงมาและเจอแนวรับในช่วงสั้นๆที่ 80 (บริเวณ D)
ก่อนที่จะกลับไปสู่แนวรับที่ระดับตัวเลขหลักถ้วนๆ 70 (บริเวณ E) อีกครั้ง
กราฟ
Euro/Yen รายชั่วโมงด้านบน แสดงแนวรับที่ระดับ 168.00 (บริเวณ
A) วิ่งขึ้นไปที่ระดับ 169.00 (บริเวณ B)
แท่งเทียนสีแดงแท่งสุดท้ายบริเวณจุดยอดทะลุเหนือระดับ 169.00
ไป 17 pips ซึ่งร่วงกลับลงมาอย่างรวดเร็วและทำให้ราคาตกลงไปที่แนวรับที่ระดับ
167.00 ในตอนแรกขาดไปเพียง 6 pips (บริเวณ
C) และต่อมาเลยระดับนี้ไปแค่ 2 pips (บริเวณ
D) นั่นก็ถือว่าใกล้เคียงมากพอแล้วสำหรับผม
และมันใช้ได้ผลกับ
timeframe สั้นๆด้วยเช่นกัน
กราฟ
5 นาทีของ
e-mini Dow ด้านบน แสดงราคาเปิดของวันที่ 16 สิงหาคม 2008 ราคาวิ่งขึ้นไปถึงระดับ 11700 (บริเวณ A) ราคาย้อนกลับและร่วงลงมาต่ำสุดที่ระดับ 11600
(บริเวณ B) หลังจากนั้นราคาก็วิ่งขึ้นไปทดสอบ
ตัวเลขหลักถ้วนๆ 11700 อีกสามครั้ังที่ C, D และ E
กราฟ
5 นาทีของ
e-mini Dow ด้านบน แสดงราคาเปิดของวันที่ 20 สิงหาคม 2008 ราคาร่วงลงมาทดสอบแนวรับที่บริเวณตัวเลขหลักถ้วนๆ
11300 (บริเวณ A) ราคาได้วิ่งขึ้นไป และหยุดชะงักในช่วงสั้นๆที่ระดับ
11350 (บริเวณ B) ก่อนที่จะขึ้นไปต่อจนถึงจุดสูงสุดที่บริเวณ
11450 (บริเวณ C) ก็ได้
จริงๆจุดสูงสุดคือ 11452 แต่ใครสนหล่ะ จำไว้
เรากำลังพูดถึงบริเวณแนวรับและแนวต้าน ไม่ใช่ตัวเลขเป๊ะๆ
ตอนนี้ดูเหมือนว่านี่เป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่
แต่ผมเพียงแค่ต้องการจะเตือนคุณ (อีกครั้ง) ว่ามันไม่ใช่วิธีอันมหัศจรรย์
ในตัวอย่างด้านบน ราคาเจอแนวรับหรือแนวต้านใกล้ๆ 11300, 11350 และ 11450 อย่างไรก็ตามมันไม่ได้มีความยากลำบากใดๆในการทะลุผ่านระดับ 11400
เพียงเพราะว่าราคามาอยู่ที่ตัวเลขหลักถ้วนๆ
ไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องหยุดชะงักที่นั่น
อย่างที่ผมเคยพูดในตอนต้นของบทความนี้
ในการวิเคราะห์ตลาด ผมไม่ใช้ตัวเลขหลักถ้วนๆแบบโดดๆในการหาระดับแนวรับหรือแนวต้าน
แต่ผมใช้มันเป็นองค์ประกอบที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในบริเวณที่ได้ถูกระบุว่าเป็นแนวรับหรือแนวต้านเรียบร้อยแล้ว
ผมชอบที่จะมองหาระดับของแนวรับหรือแนวต้านจาก
swing highs และ lows หรือ บริเวณ congestion ดังที่ได้อธิบายไว้แล้วในบทความก่อนหน้านี้ และหลังจากนั้น
ถ้ามันอยู่ในบริเวณเดียวกันกับตัวเลขหลักถ้วนๆ นั่นก็ยิ่งดีขึ้นไปอีก
ถ้าผมเทรดตัวอย่างด้านบน
11300 และ
11350
คงจะไม่ถูกพิจารณาให้มีนัยสำคัญจากการวิเคราะห์ก่อนช่วงตลาดเปิดของผม อย่างไรก็ตาม
11450 ได้ถูกพิสูจน์ว่าเป็นบริเวณแนวรับจาก swing low
ที่มีนัยสำคัญ จากสองเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ก่อน
การที่ระดับนี้เป็นตัวเลขหลักถ้วนๆด้วย ช่วยเพิ่มความมั่นใจของผมที่ระดับนี้จะทำตัวเป็นบริเวณแนวรับหรือแนวต้านที่มีศักยภาพอีกครั้ง
เทรดอย่างมีความสุข
Lance
Beggs
